Skip to main content

โรคฉี่หนู มาจากหนูอย่างเดียว…จริงหรือ?

Spectra Gradient Banner
เคล็ดลับการเลี้ยงน้องหมา
leptospirosis
leptospirosis

โรคฉี่หนู มาจากหนูอย่างเดียว...จริงหรือ?

โรคฉี่หนูเป็นโรคที่เราทุกคนคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนมักจะได้ยินโรคฉี่หนูบ่อยมาก แต่รู้ไหมว่าความจริงแล้วโรคฉี่หนูไม่ได้ระบาดแค่ในช่วงหน้าฝนเท่านั้น! และโรคฉี่หนูก็ไม่ได้มีแค่ “หนู” ที่เป็นพาหะโรคอย่างเดียวด้วย! มาร่วมไขปริศนาที่มาของโรคฉี่หนูกัน!! 

โรคฉี่หนูคืออะไร? มาจากไหน? 

โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Leptospira spp. นอกจากเป็นโรคที่สามารถติดจากสัตว์สู่สัตว์ ยังติดจากสัตว์สู่คนได้อีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วโรคฉี่หนูมักแพร่ระบาดหนักในช่วงหน้าฝน เพราะเชื้อมักอยู่บริเวณแหล่งน้ำขัง น้ำท่วม ดินโคลน ซึ่งแหล่งกำเนิดของเชื้อมักมาจาก “หนู”  

แต่ทั้งนี้หนูไม่ใช่พาหะนำโรคเพียงอย่างเดียวที่อาจมีเชื้อเลปโตสไปโรซิส ยังมีสุกร โค กระบือ สุนัข และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นที่สามารถเป็นพาหะนำโรคจากปัสสาวะ แต่สาเหตุที่หลายคนเข้าใจว่าโรคฉี่หนูมักมากับหนูก็เพราะ ช่วงน้ำท่วมเรามักจะเห็นหนูหนีขึ้นมาจากท่อหรือจุดน้ำเสียบ่อย ทำให้เราหลีกเลี่ยง และระวังแค่หนูเท่านั้น  

ใครคือคนที่เสี่ยง แล้วน้องหมาเสี่ยงโรคฉี่หนูอย่างไร 

กลุ่มเสี่ยงมักเป็นผู้ป่วยที่ร่างกายไม่แข็งแรง ผู้ที่ทำงานในแหล่งน้ำขัง ผู้ประสบภัยหรืออยู่ในพื้นที่น้ำท่วม รวมถึงน้องหมาที่อยู่ในพื้นที่ปิดที่ไม่สามารถหนีจากภัยน้ำท่วมได้ แต่ทั้งนี้พื้นที่ที่ไม่ได้ประสบปัญหาน้ำท่วมก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เพราะบริเวณน้ำเน่า น้ำเสีย น้ำขัง ดินโคลนหรือแหล่งน้ำสกปรกก็ยังจัดว่าเป็นพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคฉี่หนูด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นโรคฉี่หนูไม่ได้ระบาดแค่ในช่วงหน้าฝน แต่สามารถระบาดได้ทุกฤดูในประเทศไทย เนื่องจากสภาพอากาศร้อนชื้นของบ้านเราเอื้อต่อการเติบโตของเชื้อโรค และแบคทีเรีย 

โรคฉี่หนูมักติดต่อผ่านการสัมผัสปัสสาวะที่ปนเปื้อนเชื้อมากับแหล่งน้ำ และการสัมผัสผ่านบาดแผลโดยตรง นั่นรวมไปถึงพฤติกรรมของน้องหมาที่ชอบเล่น ชอบดื่มในจุดน้ำขังด้วยเช่นกัน  

อาการของโรคฉี่หนูในน้องหมา 
วิธีสังเกตอาการของน้องหมาเบื้องต้นหากอยู่ในจุดหรือพื้นที่เสี่ยงติดโรคฉี่หนู คือ 
1. มีไข้สูง อ่อนเพลีย 
2. อาเจียน ท้องเสีย 
3. เบื่ออาหาร ไม่ยอมกินข้าว 
4. มีอาการปวดท้อง กระสับกระส่าย 
5. ปัสสาวะผิดปกติ มีเลือดปนหรือปัสสาวะไม่ออก บางรายอาจดื่มน้ำมาก และปัสสาวะมาก 
6. ปวดกล้ามเนื้อ ไม่ค่อยขยับตัว ไม่ร่าเริง 
7. เยื่อบุตาอักเสบ  
8. มีภาวะดีซ่าน (ตัวเหลือง) ซึ่งอาจเสี่ยงไตวายเฉียบพลันรุนแรงถึงชีวิต  

หากสังเกตเห็นอาการในน้องหมาตามอาการข้างต้นนี้ ควรรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์โดยด่วนที่สุด เพื่อรับการรักษาโรคฉี่หนูทันท่วงที  

โรคฉี่หนูป้องกันได้ตั้งแต่หมาเด็ก 
เริ่มต้นที่การป้องกันตั้งแต่หมาเด็กอายุครบ 2 เดือนขึ้นไป โดยการพาไปรับวัคซีนป้องกันโรคฉี่หนู และวัคซีนรวมโรคอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับหมาเด็ก ส่วนในหมาโตควรพาไปกระตุ้นซ้ำทุกปี ๆ ละ 1 ครั้ง  

นอกจากนี้ก็เป็นการทำความสะอาดบ้าน ภาชนะที่ใช้ ของใช้ของเล่นของน้องหมาเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงพาน้องหมาเข้าไปใกล้สัตว์พาหะ เช่น หนู ไม่ปล่อยให้น้องคลาดสายตาหรือเล่นแหล่งจุดน้ำขังสกปรก  

เพราะจุดน้ำขังสกปรกไม่เพียงเสี่ยงโรคฉี่หนูเท่านั้น แต่น้องหมาอาจมีปัญหาโรคผิวหนังจากไรขี้เรื้อนแห้ง และไรขี้เรื้อนเปียกตามมาในอนาคตได้อีกด้วย โดยเฉพาะในหมาเด็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง อาจเสี่ยงติดปรสิตชนิดอื่นเพิ่มได้ 

ป้องกันจากพยาธิ และปรสิตให้ครบทั้ง 13 ชนิดเป็นประจำทุกเดือน ทั้งเห็บ หมัด ไร พยาธิหนอนหัวใจ และพยาธิร้ายอื่น ๆ หมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอที่คลินิกใกล้บ้านเป็นประจำเพื่อรับโปรแกรมป้องกันปรสิตที่ครบกว่าทุกการป้องกันที่สัตวแพทย์แนะนำ 

สอบถามการดูแลน้องหมาได้ที่โรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้านที่นี่ > https://www.spectrafordog.com/TH/clinic.html
สอบถามเพิ่มเติมการดูแลน้องหมาได้ที่นี่ > https://bit.ly/Spectra_AddLine